เราปฏิเสธไม่ได้ว่า การมี content ที่ดี และมี link building ที่มีคุณภาพนั้น จะส่งผลดีกับ SEO ของเว็บไซต์ของเรา แต่หลายคนมองข้ามจุดสำคัญ นั่นคือการ optimize พื้นฐาน SEO ในบางส่วนให้แข็งแรง เพราะจะเป็นส่วนช่วยส่งเสริม ทำให้การมีทั้ง content และ link building ที่มีคุณภาพนั้นส่งผลดีต่อ SEO มากยิ่งขึ้น
ซึ่งวันนี้ทาง SEO aCommerce จะมาบอก 5 ส่วนที่สำคัญ สำหรับช่วยส่งเสริมให้การมี content และ link building ที่มีคุณภาพนั้น ส่งผลดีต่อ SEO อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด มาเริ่มกันเลยครับ
- Outbound Broken Link
หลายครั้งที่เราจะเจอกับ broken link เนื่องจากเว็บไซต์ถูกปิด หรือเปลี่ยนผู้ถือเว็บไซต์ ซึ่งถ้าไม่มีการทำ redirect จะเท่ากับว่า link นั้นๆ จะกลายเป็น 404 error page หรือ link ไปยังเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งถ้าเว็บไซต์ของเรามี outbound broken link จำนวนมาก แน่นอนว่าจะส่งผลเสียต่อ SEO และ user experience (UX)
วิธีการ optimize : ตรวจสอบ outbound link ของเว็บไซต์ว่า link ไปยังหน้าที่เกี่ยวข้อง, ไม่เป็นหน้า 404 error page และไม่มีการ redirect โดยการใช้ tool เช่น Screaming Frog - Meta Descriptions
การมี meta description ที่ดีและดึงดูดนั้น จะทำให้ user กดเข้าไปในหน้าเว็บของเรา และส่งผลให้ click-through rates สูงขึ้น ซึ่งหลายคนมองข้ามส่วนสำคัญนี้ไป โดยการไม่อัพเดต meta description อย่างต่อเนื่อง ด้วยความเชื่อที่ว่า แค่เซ็ต meta description ครั้งแรกครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด เนื่องจาก Google มีการสนับสนุนให้อัพเดต meta description เป็นระยะ เพื่อให้สอดคล้องกับปัจจุบันมากที่สุด (ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ เมื่อปลายปีที่แล้ว Google ได้ปรับความยาวของ meta description จา่ก 160 เป็น 320 ตัวอักษร ทำให้เว็บไซต์ที่ไม่ได้อัพเดตนั้น เสียโอกาสในการเพิ่มข้อความที่อาจดึงดูดให้ผู้ใช้กดเข้ามาอ่านมากขึน)
วิธีการ optimize : หมั่นตรวจสอบและอัพเดต meta description เป็นประจำ และที่สำคัญ ควรมี focused keyword ในนั้นด้วย - Responsive Design
การมี responsive design นั้น ปัจจุบัน Google จะเน้นไปที่ mobile มากกว่า desktop ซึ่งนอกจากจะช่วยเรื่อง SEO แล้ว ยังช่วยเรื่องของ user experience อีกด้วย (เรียกว่า Google Mobile-First Index)
วิธีการ optimize : ทำ mobile responsive test และ track performance ของ user’s mobile engagement โดยใช้ tool อย่าง Google Analytics จากนั้นทำการประเมิน วิเคราะห์ และแก้ไขปัญหาที่ทำให้ผู้ใช้ ใช้งานหน้าเว็บไซต์ไม่ได้ หรือปรับปรุงให้หน้าเว็บไซต์ใช้งานได้ง่ายขึ้น - Internal Linking
หลักการเดียวกับ outbound link นั่นคือ ถ้าหากมีการเพิ่ม ปรับเปลี่ยน หรือลบหน้าภายในเว็บไซต์ ก็จะทำให้ internal link นั้นไม่เกี่ยวข้องกับหน้าเว็บไซต์ หรือเกิด broken link ได้
วิธีการ optimize : ใช้หลักการเดียวกันกับ outbound broken link - Page Speed
Page speed เป็นหนึ่งในสิ่งที่ส่งผลต่อการจัดอันดับของ Google เป็นอย่างมาก และนอกจากจะมีส่วนช่วยเรื่อง SEO แล้ว ยังช่วยเรื่องของ user experience อีกด้วย ซึ่งการ optimize page speed ให้อยู่ในระดับที่เร็วนั้น จะต้องมีการปรับหลายส่วนภายในเว็บไซต์
วิธีการ optimize : ทำการ test page speed ใน Google PageSpeed Insights หลังจากนั้น ทำการ optimize ในส่วนต่างๆ ตามคำแนะนำของ Google เช่น ปรับขนาดรูปภาพให้เล็กลง,ลดพื้นที่ของไฟล์ CSS และ JavaScript, ทำการปรับเวลา cache management ให้มากที่สุด เป็นต้น
Credit : searchengineland